Blog


#พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
มหาราชผู้ทำให้เห็นว่าแค่ไร้ซึ่งความกลัว ยักษ์ก็ล้มได้
.
หลายคนมักคิดไปเองเสมอว่าชีวิตคงไม่มีทางสู้คนนั้นคนนี้ได้ ทั้งที่ในความเป็นจริง คนเหล่านั้นก็แค่มนุษย์เหมือนๆกับคุณ มี2มือ2เท้าและ1สมองเท่ากันทั้งสิ้น แต่จุดต่างที่ทำให้คุณด้อยกว่าในตอนนี้ เพียงเพราะคุณยังไม่ได้ออกไปค้นคว้าหาโอกาสและใช้ความเพียรให้ได้มากกว่าเค้าเหล่านั้นเท่านั้นเอง แค่วันนึงคุณอยากเหนือกว่า ก็แค่คุณออกไปค้นหาโอกาสและเรียนรู้ให้ได้มากกว่าเค้า คุณก็จะมีโอกาสสำเร็จได้เช่นกัน
.
และนี่คือหลักคิดของมหาราชาองค์ที่4 จาก
.
9 ศาสตร์แห่งมหาราชา 
9 พระองค์แห่งสยามประเทศ 
9 ประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำ
9 กระโดดเพื่อพัฒนาคุณภาพแห่งชีวิต
.
ผมได้รวบรวมแนวทางการบริหารชีวิตทั้ง9 ด้วยหลักการทรงงานของ9มหาราชาผู้ยิ่งใหญ่จากสยามจนมาเป็นไทยทั้ง9พระองค์
.
เพียงแค่คุณได้รู้หลักการที่กษัตริย์แต่ละพระองค์ทรงใช้จนสามารถเป็นที่ยกย่องให้เป็นมหาราชได้ โดยน้อมนำมาประยุกต์ใช้เป็นแนวคิด(mindset)ในการดำเนินชีวิต จะทำให้ชีวิตคุณก้าวกระโดดได้แน่นอน
.
แม้วันนี้คุณมีคู่แข่งทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะสู้ไม่ได้ ขอแค่ให้รู้ว่าตราบใดที่คุณมีใจที่พร้อมสู้ มีปัญญาและสมอง มีกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด คุณก็สามารถชนะได้เสมอ จุดชนะไม่ใช่ต้นทุนที่คู่แข่งคุณมีมากกว่าแล้วจะชนะได้เสมอไป แต่มันอยู่ที่กลยุทธ์มันสมอง และใจที่ไม่คิดจะยอมแพ้ล้วนๆ
.
เพราะถ้ารัชกาลที่1 พระองค์คิดกลัวไม่กล้าต่อกรกับกองทัพที่แข็งแกร่งกว่า พวกเราชาวสยามคงเป็นเพียงรัฐหนึ่งในพม่าที่กำลังพยายามแยกตัวออกมา เช่นเดียวกับรัฐยะไข่ ชาวโรฮิงญา รัฐมอญ และรัฐไทใหญ่ รัฐเหล่านี้ ควรจะเป็นประเทศ แต่เนื่องจากสูญเสียเอกราชไปช่วงเดียวกับที่สยามเสียกรุงครั้งที่2 
.
แม้ที่ผ่านมารัฐเหล่านี้จะพยายามที่จะกอบกู้เอกราชมาโดยตลอดแต่ก็ไม่สำเร็จ โดยเฉพาะชาวมอญต้องสูญเสียเอกราชไปอย่างน่าเจ็บปวด มอญกับไทยคือมิตรที่ดีต่อกันมา เพราะมีศรัตรูเดียวกันคือพม่า เราจึงได้เห็นชุมชนชาวมอญมากมายในไทย เพราะพระเจ้าตาก รัชกาลที่1 จวบจนรัชกาลที่4 พยายามช่วยอพยพชาวมอญมายังสยามเป็นจำนวนมาก 
.
เช่นเดียวกับชาวไทใหญ่ ซึ่งมีวัฒนธรรมประเพณีต่างๆเหมือนชาวล้านนาเช่นเชียงใหม่ของไทย ประเพณีการดำเนินชีวิตแตกต่างจากพม่าโดยสิ้นเชิง แต่ต้องถูกแยกให้อยู่กับพม่า เนื่องจากอังกฤษเจ้าอาณานิคมพม่าแย่งดินแดนจากสยามไปในยุครัชกาลที่5 ทำให้ไทยต้องสูญเสีย เชียงตุง และรัฐฉานไปอย่างน่าเสียดาย 
.
แม้จะได้คืนมาอีกครั้งในสงครามโลกครั้งที่2จากการที่ไทยตีคืนมาได้จากอังกฤษจนผนวกรัฐไทใหญ่เข้าในแผ่นดินไทย เป็นจังหวัดที่ชื่อว่า”สหรัฐไทยเดิม” แต่ก็ต้องสูญเสียไปอีกครั้งเมื่อญี่ปุ่นพันธมิตรของไทยแพ้สงครามโลก ทุกวันนี้จึงไม่แปลกเลยที่พม่ายังต้องเผชิญกับกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนมากมายหลายกลุ่ม และสยามก็อาจเป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
.
สิ่งที่ผมเกริ่นมาคงทำให้คุณได้เห็นภาพ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเราต้องเสียกรุงครั้งที่3
.
ถ้าสยามไม่ได้มหาราชที่มีพระนามว่าพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก อาจไม่มีไทยในทุกวันนี้ ซึ่งจุดชนะคือกลยุทธ์ที่ใช้ในการต่อสู้เป็นตัวชี้ขาด และที่สำคัญสุดๆคือจิตใจที่พร้อมสู้เพื่อปกป้องแผ่นดินแบบไม่คิดเกรงกลัว ถึงแม้ว่าจำนวนคนจะน้อยกว่ามากก็ตาม แต่รัชกาลที่1แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ได้แสดงให้เห็นจนเป็นที่ประจักษ์มาแล้วว่า”ขอแค่ใจสู้ พร้อมกับมีสติ และปัญญา จะสามารถชนะได้ทุกอย่าง”
.
หลังจากพระองค์ทรงครองราชย์ได้เพียง2ปี กำลังสร้างบ้านแปลงเมือง รวมทั้งวังยังไม่เป็นที่เรียบร้อย เนื่องจากพึ่งย้ายราชธานีมายังกรุงรัตนโกสินทร์ พม่าที่นำโดยพระเจ้าปดุงกำลังฮึกเหิมอย่างมาก เพราะพึ่งตียึดรัฐยะไข่ได้สำเร็จ จนเป็นกษัตริย์พระองค์แรกในประวัติศาสตร์พม่าที่ปราบยะไข่จนราบคาบได้ จึงถูกยกย่องว่าทัพพม่ายุคพระองค์แข็งแกร่งไม่เป็นรองทัพพระเจ้าบุเรงนองที่ทำให้กรุงศรีเสียกรุงครั้งที่1มาแล้ว ประจวบเหมาะกับที่พระเจ้าปดุงทรงเห็นว่า สยามยังอ่อนแอเพราะพึ่งเปลี่ยนรัชกาลและพึ่งย้ายราชธานียังสร้างเมืองไม่เป็นที่เรียบร้อย จึงเป็นโอกาสทองที่พระองค์มองแล้วว่าจะตีสยามให้ราบอีกครั้งให้จงได้
.
โดยพระเจ้าปดุงได้ส่งกำลังทหารเข้าตีสยามเป็นจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ มากยิ่งกว่าตอนเสียกรุงครั้งที่2ถึงเท่าตัว โดยจำนวนทหารมีถึง144000นาย ขณะที่ตอนบุกคราวเสียกรุงครั้งที่2 มีเพียง7หมื่นเท่านั้น โดยพม่าแบ่งกองกำลังออกเป็น9ทัพ โดยแผนคือ กระจายทัพออกไปตีหัวเมืองตั้งแต่เหนือยันจรดใต้ เพื่อไม่ให้เมืองเหล่านี้ยกทัพมาล้อมพม่าเพื่อช่วยกรุงเทพได้ โดยวางแผนยึดไปเรื่อยๆจนบรรจบกันที่กรุงเทพเพื่อหักโค่นทำลายวังเป็นด่านสุดท้าย 
.
สงครามครั้งนี้เรียกว่าสงคราม9ทัพ เป็นสงครามที่สุ่มเสี่ยงมากๆในการที่สยามจะต้องเสียกรุงเป็นครั้งที่3 และการยกทัพครั้งนี้ของพม่าไปยังทางใต้จึงได้กำเนิดตำนานวีรสตรีท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทรขึ้นมา ณเมืองถลาง
.
รัชกาลที่1พระองค์ทรงรู้แผนการนี้ล่วงหน้าจึงได้สั่งรวบรวมไพร่พลให้มากที่สุด ซึ่งได้เพียง7หมื่นนายเท่านั้น โดยพระองค์ได้วางยุทธวิธีการรบอย่างชาญฉลาดไม่ยอมตั้งรับอยู่ในกรุงเหมือนคราวเสียกรุงครั้งที่2 โดยแบ่งกำลังพล ให้ออกไปตั้งรับสกัดถึงชายแดนพม่าจนเกิดเป็นศึกทุ่งลาดหญ้าขึ้น 
.
ส่วนทัพอื่นๆให้ออกไปสกัดตามจุดต่างๆโดยใช้วิธีการรบแบบกองโจร คือดักโจมตีทางช่องเขา หรือโจมตีในที่แคบที่ถึงแม้กำลังพม่ามีมากกว่าก็ไร้ประโยชน์ ด้วยวิธีการเหล่านี้ทำให้ทัพกองโจรของพระองค์สามารถทำลายเสบียงจนทัพพม่าต้องถึงกับฆ่าช้างฆ่าม้า หรือแม้กระทั้งกินศพเพื่อนที่ตายในสงคราม เพื่อประทังชีวิตแทน ทำให้ศึกครั้งนี้สยามสามารถเอาชนะด้วยการขับไล่กองทัพพม่าออกจากแผ่นดินจนหมดสิ้น
.
แม้สงคราม9ทัพสยามจะชนะได้อย่างสง่างาม แต่ก็ไม่เท่ากับการบุกครั้งใหญ่ของพม่าอีกครั้งเรียกว่า “สงครามท่าดินแดงและสามสบ” ที่เรียกว่าเป็นการรบพุ่งที่ดุเดือดที่สุดตั้งแต่สยามเคยทำสงครามมา เพราะเป็นการรบพุ่งปะทะแบบซึ่งหน้าด้วยจำนวนทหารนับแสนนาย 
.
จากความพ่ายแพ้ในสงครามเก้าทัพเพียง1ปี พม่าก็หมายแก้แค้นยึดสยามให้จงได้ ซึ่งครั้งนี้ทัพพม่าได้รวมเป็นทัพใหญ่แค่ทัพเดียว จึงมั่นใจในจำนวนคนที่มากกว่าเป็นเท่าตัวสามารถชนะสยามได้แน่นอน และยังเตรียมเสบียงอาหารและเส้นทางเดินทัพอย่างดีที่สุด โดยแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆ จากศึกครั้งก่อนจนหมดสิ้น พม่าเดินทัพมาทางด่านเจดีย์สามองค์ และได้มาตั้งทัพที่ท่าดินแดงและสามสบ
.
แต่ข่าวกรองของสยามยังแม่นยำ สามารถล่วงรู้แผนการเป็นอย่างดีทำให้กองทัพสยามยกพลทั้งหมดที่มี โดยรัชกาลที่1เป็นผู้นำทัพด้วยพระองค์เองไปบุกชิงโจมตีถึงค่ายพม่าก่อนแบบสายฟ้า ชนิดพม่าไม่คาดการณ์ไว้ก่อน ถึงณท่าดินแดง จนเป็นเหตุให้ทัพพม่าแตกพ่ายจนราบคาบ และเป็นศึกที่สามารถเอาชนะได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดโดยใช้เวลาที่สั้นที่สุดเพียงแค่3วันเท่านั้น 
.
ไม่เพียงแค่ปกป้องเมืองได้ถึง2ครั้ง แต่รัชกาลที่1พระองค์ทรงยกกำลังพลไปตีพม่าได้เมืองเชียงรุ้ง เชียงตุง สิบสองปันนาและรัฐฉานมาเพิ่ม เมื่อยึดได้พระองค์ได้กวาดต้อนผู้คนจากดินแดนพม่า ในเมืองเหล่านี้ ลงมาอยู่ที่เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูนและน่านเป็นจำนวนมาก เพราะเมื่อ200ปีก่อนนี้หลังจากพม่ายึดเชียงใหม่ พม่าเคยกวาดต้อนประชาชนเชียงใหม่ไปยัง พุกามไปจนเกือบหมดทั้งเมืองมาก่อน รัชกาลที่1เมื่อยึดล้านนาได้ทั้งอาณาจักรจึงต้องต้อนเอาคนจากดินแดนพม่ามาเพื่อฟื้นฟูเชียงใหม่อีกครั้ง เรียกวิธีนี้ว่า ยุค “เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง” ไม่เพียงแค่ตีทางเหนือเท่านั้นพระองค์ยังลงมาตีพม่าทางใต้ จนได้มะริด ทวาย ตระนาวศรีจากพม่าได้สำเร็จ ทำให้ราชอาณาจักรสยามยุคของพระองค์มีอาณาเขตกว้างใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ดินแดนล้านนา ไทใหญ่ สิบสองปันนา หลวงพระบาง เวียงจันทน์ เขมร และด้านทิศใต้ไปจนถึงเมืองกลันตัน ตรังกานู ไทรบุรี ปะลิส และเประก์
.
ซึ่งจากนั้นไม่นานพม่าพยายามตีเมืองเชียงรุ้ง เชียงตุง ลำปาง เชียงใหม่คืนอีกถึง3ครั้ง ก็ไม่สำเร็จพ่ายแพ้กลับไปทุกครั้ง และพยายามตีเมืองทวาย ตะนาวศรี และมะริดคืนกลับจากไทยอีกถึง2ครั้ง ก็พ่ายแพ้ทั้ง2ครั้ง
.
สรุปสงครามไทยพม่าในยุครัชกาลที่1มีมากถึง7ครั้ง ซึ่งไทยสามารถเอาชนะได้ทั้ง7ครั้ง ไม่เคยเพลี้ยงพล้ำพ่ายแพ้แม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งนับจากนั้นพม่าไม่เคยกล้ารุกรานไทยอีกเลยจนตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษไปในที่สุด
.
โดยพงศาวดารพม่ามีบันทึกไว้ว่าในศึกท่าดินแดง ไทยฆ่าฟันพม่าล้มตายมากนัก ที่จับเป็นได้ก็มาก ได้ทั้งช้างม้าพาหนะเสบียงอาหารและศาสตราวุธ แม้ที่สุดปืนใหญ่ที่กองทัพพม่าเอามาครั้งนั้นไทยได้ยึดไว้หมดไม่มีเหลือกลับไปแม้แต่กระบอกเดียว ตัวแม่ทัพใหญ่ก็หนีไปเกือบไม่พ้น
.
ซึ่งบาทหลวงอังกฤษบันทึกไว้ว่า กองทัพพระเจ้าปดุงมาแตกหนีไทยไปคราวนี้ ผู้คนในเมืองพม่าพากันตื่นตกใจอย่างมาก โดยมีบันทึกเพิ่มว่าถ้ากองทัพไทยยกตามออกไปก็อาจจะตีได้จนถึงอมรปุระ 
.
แม้แต่พงศาวดารพม่าก็ยังสรรเสริญว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงปลุกใจชาวสยาม ซึ่งเข็ดขยาดพม่ามานานนับหลายร้อยปีให้กลับกล้าหาญหายกลัวเกรงพม่าได้ตั้งแต่มีชัยชนะในครั้งนี้ ก็ไม่เคยพ่ายแพ้อีกเลย
.
จะเห็นว่าสิ่งสำคัญที่สยามสามารถชนะได้ทุกครั้งนั่นคือ ผู้นำไม่มีความกลัว แม้รู้ว่าเป็นรองมากก็ไม่หวั่น พยายามใช้สติและปัญญาวางแผนจนสามารถเอาชนะได้ทุกครั้ง
.
และนี่คือพลังแห่งความกล้า แค่มีความกล้าไม่กลัว สู้ด้วยหัวใจที่มั่นใจว่าต้องชนะ พร้อมกับมีสติและปัญญาในการวางแผน ไม่ว่าศึกใหญ่หรือเล็กก็สามารถพิชิตได้ทุกศึก
.
ถ้าไม่มีความกล้าหาญและพระปรีชาสามารถอันชาญฉลาดเช่นรัชกาลที่1 วันนี้คงไม่มีแผ่นดินไทยอย่างแน่นอน
.
และนี่คือตำนานมหาราช พระนามว่า“พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก” ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ขอแค่ไร้ซึ่งความกลัว โดยมีสติและปัญญาเข้าควบคุม ก็เปรียบเป็นใบเบิกทางสู่โลกแห่งความสำเร็จที่พร้อมเปิดรับสิ่งดีๆให้คุณทันที
.
.
ขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
.
คุณได้อะไรจากเรื่องนี้เม้นท์แชร์กันหน่อย และอย่าลืมช่วยแชร์ต่อให้เพื่อนๆด้วยนะครับ
.
เพื่อไม่ให้พลาดสิ่งดีๆอย่าลืม!! กดติดตามและกดเห็นโพสต์ก่อน(See First) ไว้ด้วยนะครับ
.
.
เนื้อหาโดย AcTioN


AcTioN Taywagorn

AcTioN Taywagorn


ผู้เขียนบทความ

“ทุกสิ่งทุกกอย่าง ในโลกนี้ย่อมมีการบ่งบอกความหมายในตัวของมันเสมอ อยู่ที่คุณจะตีความมันออกมาในรูปแบบไหน”










Popular Courses

content marketing
฿12,900.00
฿4,990.00
AcTioN
AcTioN

Content Marketing

117
0


฿12,900.00
฿4,990.00
AcTioN
AcTioN

ดิจิตอล360องศา ปั้นธุรกิจจาก0สู่100

56
0


฿12,990.00
฿4,990.00
AcTioN
AcTioN

คอร์ส “เซียนธุรกิจ360องศา O2O

79
0


฿5,990.00
฿1,990.00
AcTioN
AcTioN

คอร์ส สร้างโฆษณามืออาชีพ ให้ยอดขายกระจุย

260
0


฿2,900.00
฿900.00
AcTioN
AcTioN

คอร์สสอนตัดต่อวีดีโอให้ปังจนใครๆก็อยากแชร์

458
0


฿7,990.00
฿2,990.00
AcTioN
AcTioN

Web Design & SEO

221
0


฿4,990.00
฿1,990.00
AcTioN
AcTioN

คอร์สสอนนำเข้า ส่งออกสินค้า

76
0

บทความ แนะนำ

ความรู้ที่พร้อมเสริฟให้คุณ