Blog


#พระเจ้าตากสิน 
มหาราชผู้ทำให้รู้ว่าชีวิตออกแบบเองได้ แค่สร้างมันขึ้นมา

.
แนวคิดของพระองค์ เป็นแรงขับเคลื่อนชีวิตที่ทรงพลังอย่างยิ่งให้กับพวกเรา นอกจากพระเจ้าตากสินจะสร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่ให้แผ่นดินแล้ว แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่แทบไม่มีใครเอ่ยถึง นั่นคือแรงบันดาลใจอันมหาศาลที่พระองค์ทรงทิ้งไว้ให้เป็นแบบอย่าง เรื่องราวของพระองค์ทำให้เห็นว่า 
.
“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ขอแค่มีศรัทธาต่อเป้าหมายอย่างแรงกล้า เชื่อสุดใจว่าชีวิตลิขิตเองได้ และพร้อมฟันฝ่าจนสุดกำลัง ความสำเร็จย่อมเกิดขึ้นได้แน่นอน”
.
ฉะนั้นการที่คุณกราบวัตถุบูชาของพระเจ้าตากเพื่อขอพร ขอให้สำเร็จ สมหวังร่ำรวย คงเป็นได้เพียงแค่ผลทางใจ ถ้าไม่ลงมือทำก็อย่าหวังจะเกิดผลสำเร็จ ซึ่งพระเจ้าตากทรงทำให้เห็นมาแล้วว่า ความสำเร็จต้องเกิดจากการขวนขวายพยายามหาโอกาสเพื่อให้ได้มาเท่านั้น และนี่ละคือพรที่พระองค์ให้ไว้แก่พวกเราชาวไทย นั่นคือแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ ที่ทำให้รู้ว่า “ชีวิตสามารถออกแบบเองได้ โดยไม่ต้องรอโชคชะตา”
.
นี่คือมหาราชาองค์ที่3 จาก
.
9 ศาสตร์แห่งมหาราช 
9 พระองค์แห่งสยามประเทศ 
9 ประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำ
9 กระโดดเพื่อพัฒนาคุณภาพแห่งชีวิต
.
ผมได้รวบรวมแนวทางการบริหารชีวิตทั้ง9 ด้วยหลักการทรงงานของ9มหาราชาผู้ยิ่งใหญ่จากสยามจนมาเป็นไทยทั้ง9พระองค์
.
เพียงแค่คุณได้รู้หลักการที่กษัตริย์แต่ละพระองค์ทรงใช้จนสามารถเป็นที่ยกย่องให้เป็นมหาราชได้ โดยน้อมนำมาประยุกต์ใช้เป็นแนวคิด(mindset)ในการดำเนินชีวิต จะทำให้ชีวิตคุณก้าวกระโดดได้แน่นอน
.
กษัตริย์ชาตินักรบที่ต้องฟันฝ่าขวากหนามเพื่อให้ถึงเป้าหมายอย่างยากลำบาก พร้อมกับเดิมพันชีวิตที่พลาดไม่ได้ จนสามารถสร้างตนจากขุนนางเล็กๆจนเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งแผ่นดิน คงไม่มีกษัตริย์พระองค์ไหนในสยามเทียบเท่ากับตำนานของพระเจ้าตากสินได้ พระองค์คือที่สุดของกษัตริย์ผู้ทำให้เห็นว่า “ทุกอย่างย่อมเป็นไปได้เสมอ”
.
จุดเริ่มครั้งสำคัญของเรื่องราวทั้งหมด ถ้าพระเจ้าตาก พระองค์ไม่ตัดสินใจออกจากคอมฟอร์ดโซน ด้วยหลัก2วิ นั่นคือวิกฤตและวิชั่น แผนที่โลกวันนี้อาจไม่มีชื่อไทยแลนด์ แต่เพราะพระองค์ทรงรู้ดีว่า การล้อมกรุงของพม่านานนับหลายเดือนวิกฤตครั้งนี้ยากยิ่งนักที่จะรอดพ้นภัย เนื่องจากหัวเมืองต่างๆ ยอมแพ้หลบหนีพม่ากันไปหมด ราชสำนักอ่อนแออย่างมาก ประชาชนต่างสิ้นศรัทธาในการปกครอง และที่สำคัญพระองค์ก็รู้สึกสิ้นศรัทธาเช่นกัน
.
วิกฤตครั้งนี้จึงทำให้พระองค์เกิดวิชั่น(วิสัยทัศน์) พระองค์จึงประกาศก้องให้กับเหล่าทหารผู้ติดตาม
.
“อยู่ก็รอตาย ตีฝ่าก็อาจตาย ฉะนั้นยอมตายเอาดาบหน้าแล้วค่อยมากู้กรุงคืนจะดีกว่า”
.
สิ่งที่พระองค์ตัดสินใจตีฝ่าหนีจากพระนครไม่ใช่เพราะไม่รักชาติไม่รักแผ่นดิน แต่เพราะรักชาติพระองค์จึงต้องทำ เมื่อพม่าเริ่มรุกราน หัวเมืองต่างๆเจ้าเมืองต่างทิ้งเมืองหนีเข้าป่า แม่ทัพในพระนครก็หนีทัพกันมากมาย แต่พระเจ้าตากยังคงภักดีไม่เคยคิดหนีมาก่อน มุ่งมั่นเคลื่อนทัพจากเมืองตากพาทัพมาช่วยกรุงศรีรบกับพม่าอย่างสุดกำลัง 
.
แต่ด้วยการวางแผนที่ผิดพลาดมาตั้งแต่ต้นของราชสำนัก ทำให้พม่าล้อมเมืองไว้ได้อย่างง่ายดาย โดยพระองค์ได้พยายามอาสายกทัพไปตีขับไล่กองทัพพม่าหลายครั้งแต่ไม่เป็นผล 
.
และสิ่งที่ทำให้พระองค์สิ้นศรัทธา เป็นเหตุในการตัดสินใจให้ออกไปตั้งตัวเองคือ การออกไปขับไล่ทัพพม่ากับพระยาเพชรบุรีแต่เนื่องด้วยทัพพม่ากำลังพลมากกว่าทำให้พระยาเพชรบุรีเสียชีวิตคาสนามรบกองทัพสยามแตกพ่ายยับเยิน ขณะที่พระเจ้าตากรอดชีวิตกลับมาได้อย่างยากลำบาก แต่กลับถูกเหล่าขุนนางรุมประนามดูถูกสารพัดว่าเป็นพวกทิ้งเพื่อน ไร้ซึ่งศักศรี สาเหตุเพียงเพราะแค่พระเจ้าตากทรงรอดชีวิตมาได้เท่านั้น 
.
ทำให้พระองค์รู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่พระองค์จะไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างให้คนอื่นอีกต่อไป และพระองค์จะต้องกอบกู้แผ่นดินด้วยวิถีทางของตนเองให้ได้ ฉะนั้นประโยคที่ว่า “สถานะการณ์สร้างวีรบุรุษ” มักเกิดขึ้นได้จริงเสมอ
.
ซึ่งการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในครั้งนี้ ทำให้พระองค์สามารถรักษาชีวิตจนสะสมไพร่พลกลับมาแก้แค้นกองทัพพม่าได้อย่างสาสม
.
พระเจ้าตากตีฝ่าวงล้อมออกมา ด้วยไพร่พลติดตามเพียงแค่500นาย และล้มตายไปกว่าครึ่งในระหว่างการสู้รบขณะฝ่าวงล้อม ซึ่งถ้ากำลังพลแค่นี้การใหญ่ของพระองค์ในการกู้กรุงคืนไม่มีทางสำเร็จได้แน่นอน และคงยากที่ใครจะมาเข้าร่วมกองทัพกับแค่เจ้าเมืองเล็กๆทางเหนือเมืองหนึ่ง 
.
แต่สิ่งที่คนอื่นๆมองว่าเป็นไปไม่ได้ แต่พระองค์กับไม่ยอมทิ้งเป้าหมายและพยายามหาวิธีการเพื่อให้เป้าหมายสำเร็จให้ได้แม้จะต้องเริ่มจาก 0ก็ต้องทำ และวิธีที่ดีที่สุดคือพระองค์ต้องประกาศตนเพื่อเป็นศูนย์รวมใจของคนในชาติเท่านั้นจึงจะหาแนวร่วมได้ พระองค์จึงได้ประกาศตนเป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์ที่2ที่พร้อมกลับมากู้กรุงศรีคืนอีกครั้ง ระหว่างทางที่หนีพม่า พระองค์จึงได้แสดงเจตนารมณ์ และพยายามรวบรวมกำลังพลอาสาสมัครมาตลอดเส้นทาง 
.
เมื่อถึงบ้านกง เมืองนครนายก ขุนหมื่นพันทนาย ที่มีกองกำลังชาวบ้านอาสาและทหาร1พันนาย ไม่ยอมสวามิภักดิ์ โดยพระองค์พยายามเจรจาถึง3ครั้ง แต่ไร้ผล แถมยังดูถูกขบขันกับสิ่งที่ได้ฟัง โดยพระองค์ถูกตราหน้าว่าเป็นแค่ทหารหนีทัพ แค่เจ้าเมืองเล็กๆแล้วคิดการใหญ่ที่ไม่มีโอกาสเป็นไปได้เลยสักนิด มีทหารแค่หยิบมือจะเป็นพระเจ้าแผ่นดินได้ยังไง แถมทหารกลุ่มเล็กๆแค่นี้ยังห้าวหาญคิดจะสู้กับกองทัพพม่า ไม่มีทางเป็นไปได้แน่ๆ 
.
คำดูถูกถากถางเหล่านั้นพระองค์หาได้สนไม่ แต่เช้าวันต่อมาพระองค์ทรงแสดงให้เห็นว่าพระองค์มีดีพอด้วยการนำกำลังพลแค่หลักร้อยต้นๆบุกถล่ม หมู่บ้านกงที่มีกองกำลังนับพันจนราบคาบ ยึดช้างได้จำนวนมาก ยึดเสบียงได้เป็นเดือน และได้อาสาสมัครจากทหารและชาวบ้านที่ยอมศิโรราบ เนื่องจากเห็นในพระปรีชาสามารถ จนได้กำลังเพิ่มมาอีกมากมาย และพระองค์ก็ได้ออกเดินทางต่อ โดยระหว่างทางพระองค์ได้ปะทะกับทหารพม่ามาตลอดเส้นทางทำให้ไพร่พลล้มหายตายจากไปเรื่อยๆแต่ก็สามารถมีชัยได้ทุกครั้ง
.
เมื่อมาถึงชุมชนนาเกลือเมืองชลบุรี พระองค์ก็เจรจากับนายกลมหัวหน้าชุมชนให้เข้าร่วมอุดมการณ์ด้วยกัน แต่ถูกปฏิเสธเช่นเคยพร้อมคำถากถาง พระองค์หาได้ทรงตอบโต้ แต่รุ่งขึ้นกองทัพพระองค์แม้จะมีกำลังพลน้อยกว่าได้แสดงแสนยานุภาพโดย “เสด็จทรงช้างพระที่นั่งสรรพด้วยเครื่องสรรพาวุธทรงพระแสงปืนต้นรางแดงกับหมู่พลโยธาหาญ” เท่านั้นนายกลมหัวหน้าชุมชน ก็ถึงกับวางอาวุธ ยอมสวามิภักดิ์เข้าร่วมทัพแต่โดยดี
.
และเมื่อทัพของพระองค์มีผู้ติดตามมากขึ้น การเล่าลือก็มากตาม ข่าวพระเจ้าตากสินคิดการใหญ่ และกำลังต้องการรวบรวมไพร่พลเพื่อไปต่อสู้กู้แผ่นดินจากพม่า กระพือหนาหูไปอย่างรวดเร็ว เหล่าประชาชนผู้ได้รู้ ต่างอยากมีส่วนร่วม ต่างเดินทางมาขออาสาเข้าร่วมอุดมการณ์อย่างมากมาย จนทำให้กองทัพมีกำลังพลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่พระองค์ทรงคิดหากอยู่แบบนี้ก็คงเป็นเพียงแค่กองทัพเร่ร่อน พระองค์จึงได้บุกโจมตีเมืองระยองที่ต่อต้านได้สำเร็จ และยึดระยองมาเป็นฐานที่มั่น
.
จากนั้นพระองค์ทรงมองว่าหากอยากเป็นใหญ่ ต้องสร้างบารมีให้มากพอ ทำให้จากนั้นพระองค์จึงคิดครอบครองเมืองทางภาคตะวันออกของสยามมาให้ได้ทั้งหมด เพื่อสร้างบารมีความน่าเชื่อถือและเป็นการประกาศศักดาในพระปรีชาสามารถว่าพระองค์คือ”ของจริง”
.
โดยเริ่มตีจากเมืองจันทบุรี โดยศึกครั้งนี้ พระเจ้าตากทรงประกาศ สร้างเส้นตายให้ตนเองและกองทัพ โดยให้เหล่าทหารทุบหม้อข้าวทั้งหมด พร้อมกับประกาศก้องว่า “เราจะไปกินฉลองกันในเมืองจันทบุรี ถ้ายึดไม่ได้ก็แค่อดตาย” การใช้แรงขับด้วยเส้นตายทำให้ เหล่าทหารของพระองค์ต่างฮึกเฮิมพร้อมสู้ถวายหัว จนตีเมืองได้สำเร็จ
.
ต่อจากนั้นตามด้วยตีเมืองแกลง เมืองตราด แล้ววกกลับมาตั้งศูนย์กลางที่เมืองจันทบุรี เมื่อพระองค์ทรงเห็นแล้วว่ากำลังพลเพียงพอแล้ว โดยสามารถรวบรวมไพร่พลได้5000นาย และได้รู้แล้วว่ากรุงศรีได้แตกไปแล้วอย่างที่คาดไว้ พระองค์จึงได้กรีฑาทัพทางเรือบุกโจมตีกรุงธนบุรีที่พม่าได้แต่งตั้งนายทองอินเป็นเจ้าเมืองธนบุรีมาประหารชีวิต ต่อจากนั้น ได้ยกกองทัพเรือต่อไปถึงกรุงศรีอยุธยา เข้าโจมตีค่ายโพธิ์สามต้นซึ่งพม่ายึดเป็นฐานที่มั่นเอาไว้ จนสามารถขับไล่ทหารพม่าออกจากอาณาจักรได้สำเร็จ และสามารถกอบกู้กรุงศรีอยุธยาจากการยึดครองของพม่าอย่างสมบูรณ์ โดยใช้เวลาเพียงแค่ 7 เดือนหลังเสียกรุง 
.
จากนั้นพระองค์จึงได้กลับมาสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี และปราบดาภิเษกตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์อย่างเป็นทางการ และได้ทำการตีรวบก๊กต่างๆที่ตั้งตนเป็นกษัตริย์เช่นกันอีก3-4ก๊ก จนรวมเป็นแผ่นดินสยามที่เป็นปึกแผ่นได้อีกครั้งอย่างสมบูรณ์
.
จะเห็นได้ว่าพระองค์มีเป้าหมายสุดยิ่งใหญ่ที่เกินตัวไปมาก ซึ่งหากมองจากศักยภาพทหารแค่500 ไม่มีใครคิดถึงอย่างแน่นอนว่า เป้าหมายการเป็นกษัตริย์เป็นผู้นำในการกู้แผ่นดิน และรวบรวมแผ่นดินจากก๊กต่างๆถึง4ก๊กจะเป็นจริงได้ แต่เนื่องด้วยเพราะพระองค์มีจิตมุ่งมั่นศรัทธาในเป้าหมายอย่างแรงกล้า และทรงเข้าใจในหลักการว่าต้องค่อยๆสะสมบารมี พระองค์จึงค่อยๆสร้างตนเองด้วยการสะสมกำลังพล และสะสมเมืองให้เป็นที่ประจักษ์ และในที่สุดยุทธวิธีเหล่านี้จึงทำให้พระองค์ประสบความสำเร็จดังที่คาดหวังไว้ทุกประการอย่างเหลือเชื่อ ใครจะคิดว่า แค่ขุนนางไร้ชื่อจากเมืองเล็กๆ มีกองทัพแค่500นาย จะสามารถตั้งตนเป็นมหาราชของแผ่นดินได้อย่างยิ่งใหญ่
.
และนี่คือจุดสำเร็จที่สำคัญมากๆที่จะส่งชีวิตไปสู่ความสำเร็จได้ แบบอย่างอันเกรียงไกรของพระองค์เป็นแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ ที่ทำให้พวกเราได้รู้ว่าแม้วันนี้คุณจะเป็นคนตัวเล็กๆที่ไม่มีใครเห็นคุณค่าเลยก็ตาม แต่วันนึง คุณก็สามารถเป็นผู้ยิ่งใหญ่ได้เช่นกัน ขอแค่มีศรัทธาในเป้าหมายอย่างแรงกล้า และค่อยๆสะสมความรู้ความสามารถไปเรื่อยๆ วันนึงความสำเร็จต้องเกิดขึ้นได้แน่นอน อย่างที่พระเจ้าตากสินพระองค์ทรงแสดงให้เห็นแล้วเป็นแบบอย่างว่า 
.
“ชีวิตออกแบบเองได้ แค่เป้าหมายชัดเจน อยากเป็นอะไรก็แค่สร้างมันขึ้นมา”
.
.
#สรุป7สิ่งที่ได้รับจากแนวคิดของพระเจ้าตากสิน
.
.
1. ประกาศอิสรภาพแห่งตน ค้นหาเส้นทางและคุณค่าของตนเอง
.
หากคุณอยู่ในสถานะการณ์ที่อึดอัด ท้อแท้ เบื่อหน่าย กดดันกับสิ่งที่คุณอยู่ ซึ่งแม้จะพยายามปรับยังไงก็ยังคงอยู่ในวังวนเดิมๆ คุณไม่จำเป็นต้องทนถ้าสิ่งนั้นจะทำให้คุณไม่สามารถพัฒนาไปไหนได้ และสิ่งนั้นมันไม่ใช่คำตอบในชีวิตของคุณ ฉะนั้นจงประกาศอิสภาพแห่งตน ค้นหาลู่ทางใหม่ให้ตน สร้างเส้นทางที่คุณเป็นผู้ลิขิตเอง ให้มันเป็นไปตามที่ใจต้องการ ในวิถีทางที่ตนเองกำหนด 
.
ลองคิดดู ถ้าพระเจ้าตากสิน พระองค์ทรงทนโดนโขกสับ กับสารพัดคำครหาจากเหล่าขุนนางในวัง ว่าเป็นเหตุแห่งความพ่ายแพ้ พาคนไปตาย ทิ้งเพื่อนหนีตายเอาตัวรอด ต่อให้พระองค์จะทำดีเท่าไหร่ต่อจากนั้นเพื่อแก้ไข ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นแน่นอน ฉะนั้นทางออกเดียวที่ทำได้คือ พระองค์จึงไม่ยอมอยู่ใต้บงการของใครอีกต่อไป พระองค์ขอไปมีชีวิตและเส้นทางของตนเอง และจากวิกฤตชีวิตในจุดนี้ทำให้เรื่องราวของพระองค์จึงเกิดขึ้นในฐานะมหาราชแห่งแผ่นดินสยาม
.
2. หากอยากมีชีวิตที่เปลี่ยน ต้องกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง 
.
หากคุณหวังสิ่งที่ต่างแต่ใช้วิธีการเดิมๆ ต่อให้อีก10ปี ก็ไม่สำเร็จ ฉะนั้นหากอยากได้ผลลัพธ์ใหม่วิธีการก็ต้องแปรเปลี่ยนตาม หากอยากมีชีวิตที่สำเร็จก็ต้อง หาโอกาส ความรู้และวิธีการเพื่อนำไปสู่กระบวนการสร้างความสำเร็จให้ได้ ความสำเร็จจะไม่มีทางเกิดได้ จากวิธีการเดิมๆ หรือนั่งๆนอนๆแล้วขอพรพระเจ้าให้มันเกิด แบบนี้100ชาติก็ไม่สำเร็จ 
.
ลองคิดดู ถ้าพระองค์ยังทนอยู่ในพระนคร เมื่อกรุงแตก พระองค์คงโดนจับเป็นเชลย หรือไม่ก็อาจต้องสิ้นชีพในสนามรบไปอย่างไร้ค่า แต่เมื่อกล้าที่จะเปลี่ยนเรื่องราวอันอัศจรรย์จึงได้เกิดขึ้นกับพระองค์
.
3. การตั้งเป้าหมายเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่จะกำหนดทิศทางชีวิต 
.
เป้าหมายเหมือนแรงขับ ให้เกิดกระบวนการ ยิ่งเป้าหมายชัดมากแค่ไหน สมองจะกระตุ้นหาทางตอบสนองด้วยการค้นหาวิธีการขึ้นมา เมื่อรู้วิธีการกระบวนการก็จะเกิด เมื่อกระบวนการเกิดก็จะส่งผลไปสู่การกระทำให้เกิดขึ้น เมื่อลงมือทำสุดท้ายความสำเร็จก็ต้องเกิดสักวันถ้ายึดมั่นไม่ทิ้งเป้าหมาย 
.
ลองคิดดู ถ้าพระเจ้าตากสินไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนก็คงแค่หนีมาหลบๆซ่อนๆในป่า แต่เพราะเป้าหมายพระองค์ชัดเจนมากกระบวนการวิธีการของพระองค์จึงเป็นฉากเป็นตอนอย่างเด่นชัด ว่าต้องทำอย่างไรเพื่อให้ถึงเป้าหมาย จนสามารถสำเร็จได้ในที่สุด
.
4. สร้างความเชื่อและศรัทธาต่อเป้าหมายอย่างสุดใจ
.
ทุกเป้าหมายชีวิตต้องมีความเชื่อเสมอจึงมีโอกาสสำเร็จ เพราะถ้าคุณคิดว่าชีวิตคุณไม่มีทางรวย คุณก็จะไม่คิดเริ่มต้นหาลู่ทางและโอกาส หรือหากคุณไม่เชื่อว่าคุณสามารถเป็นผู้บริหารได้ คุณก็จะไม่คิดขวนขวายหาความรู้ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ตัวเอง เพราะคิดอยู่แล้วชาตินี้ไม่มีทางได้ตำแหน่งใหญ่โต และจะหาวิธีการไปทำไมให้เสียเวลา สุดท้ายหากเริ่มด้วยการไม่เชื่อ สิ่งที่จะได้รับคือการได้อยู่กับชีวิตที่ไม่ก้าวไปไหนได้ตามใจปรารถนา 
.
แต่หากคุณอยากสำเร็จแค่เชื่อยังไม่พอ!! แต่คุณต้องมีพลังแห่งศรัทธาอย่างแรงกล้า เพราะความเชื่ออาจจะเป็นพวกเพ้อเจ้อ มโน เพ้อฝันก็ได้ ซึ่งต่างกับศรัทธา เพราะศรัทธาจะเกิดขึ้นได้ ต้องเกิดจากความเชื่อ+สติ+ปัญญา นั่นหมายถึง คุณต้องรู้กฏแห่งเหตุและผล 
.
โดยคำสอนของศาสนาพุทธ สอนไว้ว่า ความเชื่อจะสำเร็จเป็นผลได้ ต้อง มีกระบวนการและการกระทำเกิดขึ้นอย่างตรงประเด็น และความเชื่อไม่มีวันเกิดเป็นผลได้หากเชื่อแล้วไม่คิดลงมือทำใดๆเลย ฉะนั้นคุณต้องไม่ใช่แค่เชื่อ แต่คุณต้องศรัทธาในเป้าหมายอย่างสุดหัวใจ ด้วยการค้นหาวิธีการกระบวนการและลงมือทำนั่นเอง
.
ลองคิดดู ถ้าพระเจ้าตากไม่มีความศรัทธาในเป้าหมายว่าจะสำเร็จจริงได้ พระองค์คงไม่คิดรวบรวมคนเพื่อคิดการใหญ่ให้เสียเวลา แต่เพราะพระองค์ศรัทธาอย่างแรงกล้าว่าต้องเกิดได้แน่นอน พระองค์จึงทำทุกวิถีทางที่จะขยายพระราชอำนาจให้ได้มากที่สุด ด้วยการพยายามตีเมืองเพื่อประกาศศักดา และรวบรวมไพร่พลเพื่อต่อต้านกับข้าศึกศรัตรู และในที่สุดพระองค์ก็สำเร็จทุกประการ
.
5. ใช้คำดูถูก คำถากถาง ให้เป็นแรงขับเคลื่อนชีวิต
.
คำดูถูกหลายคนอาจไม่ชอบ แต่สำหรับผมกลับชอบ เพราะผมมองว่ามันคือพลังผลักดันชั้นยอดอย่างหนึ่ง เมื่อมีคนดูถูก ขอให้คิดไว้ว่า เป็นธรรมดา เพราะ ณ ตอนนี้คุณอาจยังไม่มีเครดิตมากพอให้เค้าเชื่อได้จริงๆ ฉะนั้นจงเก็บคำดูถูกเหล่านั้นมาพัฒนาตนเอง และสร้างให้เค้าเห็นให้ได้ว่าในที่สุดเค้าคิดผิด
.
เมื่อคุณสร้างศักยภาพที่แท้จริงของคุณให้เป็นที่ประจักษ์ แล้วนั้นละคือการตอกกลับอย่างดีที่สุด จำไว้ใครดูถูกคุณ ไม่ต้องไปเสียเวลาด่าหรือตอบโต้ให้เปลืองน้ำลาย(ต้องรู้จัก”ช่างแม่ง”) เพราะต้องย้อนมามองตนว่าวันนี้เราอาจยังไม่มีเครดิตให้เชื่อได้จริงๆ แต่ขอให้จำไว้ แม้วันนี้คุณยังไม่พร้อม แต่ขอให้รู้ว่าทุกความพร้อมสร้างขึ้นมาได้เสมอแค่กลับไปพัฒนาตนเอง ฉะนั้นก็ฝากคนที่ดูถูกไว้ก่อนแล้ววันนึงจะได้เห็นดีกัน สุดท้ายเมื่อคุณพร้อมก็แค่โชว์ให้เห็นเป็นพอว่า “ในที่สุดกรูก็ทำให้รู้แล้วว่า เมิงคิดผิด”
.
พระเจ้าตากในช่วงแรกพระองค์โดน ดูถูกมาตลอดเมื่อประกาศเป้าหมายออกไป และทุกครั้งที่มีการดูถูกพระองค์จะทำให้เห็นเสมอว่าพวกเมิงคิดผิด ด้วยการลงมือแสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์จากผลงานจริง จนในที่สุดเมื่อพระองค์แสดงศักยภาพที่แท้จริงให้เห็นว่าพระองค์คือของจริง กลับมีคนเลื่อมใสศรัทธาขออาสาเข้าร่วมทัพเป็นจำนวนมาก ซึ่งถ้าพระองค์อ่อนแอ คล้อยไปตามคำกล่าวของคนพวกนั้น และคิดว่าตนเองคงทำไม่ได้จริงๆ คงไม่มีมหาราชที่ยิ่งใหญ่นามพระเจ้าตากสินแห่งแผ่นดินได้ 
.
6. ชีวิตออกแบบเองได้เสมอ อยากเป็นอะไรก็แค่สร้างมันขึ้นมา
.
ถ้าวันนี้คุณอยากเป็นอะไรก็หาลู่ทางวิธีการสร้างตนขึ้นมาจนเป็น คุณก็จะเป็นได้สมใจ อยากเป็นเกษตรกรก็ฝึกฝนศึกษาเรียนรู้ก็เป็นได้ อยากเป็นนักธุรกิจที่สำเร็จ ก็แค่ศึกษากลยุทธ์การสร้างแบรนด์ เรียนรู้การตลาดเมื่อเชี่ยวชาญก็สำเร็จได้ อยากขับรถเป็นก็แค่ลุกขึ้นมาฝึกขับ อยากตัดต่อวีดีโอเป็นก็แค่เรียนรู้ 
.
จะเห็นได้ว่าไม่ว่าคุณอยากทำอะไรเป็น อยากมีชีวิตแบบไหนคุณสามารถออกแบบชีวิตตนเองได้เสมอ เพราะสมองของมนุษย์สามารถเรียนรู้ได้ทุกอย่างตามที่ใจปรารถนา แต่จุดที่จะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับความใส่ใจและทุ่มเทว่ามีมากแค่ไหน ฉะนั้นหากคุณอยากมีชีวิตที่สำเร็จก็แค่เรียนรู้ว่าผู้ที่สำเร็จมีกระบวนการและวิธีการอย่างไรแล้วให้นำมาประยุกต์ใช้ด้วยสติ ปัญญาและความเพียร คุณก็สามารถสำเร็จได้เช่นกัน
.
พระเจ้าตากสินพระองค์ออกแบบชีวิตตนไว้ตั้งแต่ก่อนตีฝ่าวงล้อมออกมาแล้วว่า ต้องเป็นกษัตริย์องค์ใหม่แห่งแผ่นดินสยาม และต้องเป็นวีรบุรุษผู้กอบกู้แผ่นดินคืนให้ได้ พระองค์จึงสร้างเส้นทางของการเป็นกษัตริย์และวีรบุรุษกู้ชาติขึ้นมาและในที่สุดก็สามารถสำเร็จได้ทุกประการ จากการที่พระองค์ได้เพียรสร้างขึ้นมา เรื่องราวของพระองค์เป็นการตอกย้ำอย่างชัดเจนว่า ชีวิตสามารถลิขิตได้จริงๆ
.
7. จงสร้างเส้นตาย(Deadline) ให้ตนเอง
.
การสร้างเส้นตายคือ เป็นการสร้างบทลงโทษให้ตนเองหากไม่สามารถทำเป้าหมายได้สำเร็จในเวลาที่กำหนด
.
จุดประสงค์เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนให้ตัวเองได้พุ่งไปสู่เป้าหมาย ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง และไม่ทิ้งเป้าหมาย โดยเส้นตายที่ดีจะต้องสร้างจุดเจ็บปวดให้ตัวเอง เช่นหากไม่เปลี่ยนแปลงวันนี้ชีวิตก็จะเป็นหนี้และคงลำบากไปทั้งชีวิต ซึ่งชีวิตนี้จะไม่ยอมทนลำบากแบบนี้อีกต่อไปแล้ว เป็นต้น หลังจากนั้นจึงกำหนดเส้นตายขึ้นมา เพื่อจูงใจให้ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง
.
ยุทธวิธีนี้คือแบบอย่างที่พระเจ้าตากพระองค์แสดงให้เห็น โดยพระองค์จะทรงตั้งเส้นตายให้ตัวเองและกองทัพไว้เสมอ โดยการหาจุดเจ็บปวดให้ตัวเองและเหล่าทหารในการปลุกใจ เช่น ครั้งประกาศตีฝ่าพระองค์บอกตนเองและกองทัพว่าจะไม่ยอมตายฟรีในเมืองจะขอไปตายดาบหน้า นี่คือวิธีกระตุ้นด้วยจุดเจ็บปวดด้วยวิธีการอยู่ก็รอตาย จะไม่ทนอีกแล้ว เพื่อให้เกิดพลังขับเคลื่อนไปข้างหน้า
.
หรือ ครั้งในศึกยึดเมืองจันทบุรี พระเจ้าตากทรงประกาศ ให้เหล่าทหารทุบหม้อข้าวทั้งหมด พร้อมกับประกาศก้องว่า “เราจะไปกินฉลองกันในเมืองจันทบุรี ถ้ายึดไม่ได้ก็แค่อดตาย” การใช้แรงขับด้วยเส้นตายทำให้ เหล่าทหารของพระองค์ต่างฮึกเฮิมพร้อมสู้ถวายหัว ครั้งนี้เป็นการสร้างแรงกระตุ้นที่ให้เห็นว่ากลับไปยืนจุดเดิมไม่ได้อีกแล้วต้องเปลี่ยนแปลงเท่านั้น
.
จะเห็นได้ว่าพระเจ้าตากพระองค์ทรงมีจิตวิทยาการนำทัพแบบห้าวหาญในรูปแบบของลูกผู้ชายแบบสุดๆ และทุกๆครั้งทัพของพระองค์ก็ไม่เคยพ่ายแพ้เลยสักครั้งเดียว
.
และทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ได้มาจากแนวคิดที่ยิ่งใหญ่ จากมหาราชนาม”พระเจ้าตากสิน” ซึ่งแม้จะผ่านมาแล้วกว่า 250ปี แต่เรื่องราวของพระองค์ก็ยังสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกหลานชาวไทยได้อีกมากมาย แบบอย่างของพระองค์เป็น Mindset ที่สำคัญมากๆที่จะช่วยขับเคลื่อนชีวิตคุณให้เดินหน้าไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
.
.
ขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ

.
.
เนื้อหาโดย AcTioN
.

AcTioN Taywagorn

AcTioN Taywagorn

ผู้เขียนบทความ

“ทุกสิ่งทุกกอย่าง ในโลกนี้ย่อมมีการบ่งบอกความหมายในตัวของมันเสมอ อยู่ที่คุณจะตีความมันออกมาในรูปแบบไหน”

Popular Courses

content marketing ฿12,900.00 ฿4,990.00 AcTioN AcTioN

Content Marketing

117 0 ฿12,900.00 ฿4,990.00 AcTioN AcTioN

ดิจิตอล360องศา ปั้นธุรกิจจาก0สู่100

56 0 ฿12,990.00 ฿4,990.00 AcTioN AcTioN

คอร์ส “เซียนธุรกิจ360องศา O2O

79 0 ฿5,990.00 ฿1,990.00 AcTioN AcTioN

คอร์ส สร้างโฆษณามืออาชีพ ให้ยอดขายกระจุย

260 0 ฿2,900.00 ฿900.00 AcTioN AcTioN

คอร์สสอนตัดต่อวีดีโอให้ปังจนใครๆก็อยากแชร์

458 0 ฿7,990.00 ฿2,990.00 AcTioN AcTioN

Web Design & SEO

221 0 ฿4,990.00 ฿1,990.00 AcTioN AcTioN

คอร์สสอนนำเข้า ส่งออกสินค้า

76 0

บทความ แนะนำ

ความรู้ที่พร้อมเสริฟให้คุณ